แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ รูเบน อโมริม กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2024/25 เมื่อสโมสรยืนยันว่าจะไม่มีการเสริมทัพเพิ่มเติมในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ทำให้พวกเขาต้องพึ่งพาแนวรุกที่มีอยู่เพียง 4 คนในการลุยศึกที่เหลือของซีซั่นนี้ โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกที่ทีมกำลังดิ้นรนอยู่ในอันดับที่ 13 ของตาราง
ตามรายงานจาก Chris Wheeler นักข่าวจาก Daily Mail ระบุว่า แมนยูฯ จะต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในทีมต่อไป โดยแนวรุกหลักที่อโมริมจะใช้งานจนจบฤดูกาลประกอบด้วย:
- อาหมัด ดิยัลโล (6 ประตู)
ดาวรุ่งชาวไอวอรีโคสต์วัย 22 ปี กลายเป็นตัวเลือกสำคัญในเกมรุกของแมนยูฯ ฤดูกาลนี้ ด้วยความเร็วและความสามารถในการเลี้ยงบอล เขาทำไปแล้ว 6 ประตูจาก 21 นัด แม้จะยังขาดความสม่ำเสมอ แต่ดิยัลโลถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกไกล - บรูโน แฟร์นันด์ส (5 ประตู)
กัปตันทีมและหัวใจสำคัญในแดนกลาง บรูโนยังคงเป็นนักเตะที่สร้างโอกาสและทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง แม้ทีมจะมีฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวา ฤดูกาลนี้เขาทำไปแล้ว 5 ประตูจาก 22 นัด และยังเป็นผู้นำด้านแอสซิสต์ของทีม - มาร์คัส แรชฟอร์ด (4 ประตู)
แม้จะมีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นและอาการบาดเจ็บ แรชฟอร์ดยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญในแนวรุก ด้วยความเร็วและการจบสกอร์ที่เฉียบขาด เขาทำไปแล้ว 4 ประตูจาก 15 นัด และกำลังพยายามเรียกฟอร์มเก่งกลับมา - โจชัว เซิร์กซี (3 ประตู)
กองหน้าชาวดัตช์วัย 22 ปี ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ เซิร์กซีทำไปแล้ว 3 ประตูจาก 23 นัด แม้จะยังไม่สามารถสร้างผลกระทบได้มากนัก แต่เขาได้รับโอกาสลงเล่นต่อเนื่องในยุคของอโมริม
รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมวัย 39 ปี เข้ามารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน 2024 หลังจากสร้างชื่อเสียงกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยการคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสสองสมัย และพาทีมเล่นฟุตบอลเกมรุกที่ดุดัน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวในพรีเมียร์ลีกไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกุนซือชาวโปรตุเกส โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องรับมือกับขุมกำลังที่ยังไม่สมบูรณ์และปัญหาฟอร์มตกของนักเตะหลายคนหนึ่งในจุดเด่นของอโมริมคือการใช้ระบบ 3-4-3 ที่เน้นการสร้างเกมรุกผ่านพื้นที่ครึ่งสนาม (half-spaces) และการเพรสซิ่งสูงเพื่อแย่งบอลกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่การนำแท็กติกนี้มาใช้กับแมนยูฯ ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว เนื่องจากนักเตะบางคนยังไม่คุ้นเคยกับระบบดังกล่าว
