"ริโอ เฟอร์ดินานด์" ชี้ชะตาเกมดาร์บี "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี" บทพิสูจน์สำคัญของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเตรียมเผชิญหน้ากันในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2024-25 ที่หลายคนจับตามองว่าอาจเป็นหนึ่งในเกมสำคัญของฤดูกาล โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองทีมต่างต้องการชัยชนะเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก
ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังระดับตำนานของ "ปีศาจแดง" และปัจจุบันเป็นกูรูลูกหนังชื่อดัง ได้วิเคราะห์ถึงเกมนี้ในมุมมองที่ทั้งน่าสนใจและแฝงไปด้วยอารมณ์ร่วมในฐานะอดีตผู้เล่นของยูไนเต็ด
"นี่คือเกมดาร์บีที่มีความหมายมากกว่าความภาคภูมิใจในเมืองแมนเชสเตอร์ เพราะมันคือโอกาสที่ทีมจะพิสูจน์ตัวเองทั้งในแง่ฟอร์มการเล่นและความมุ่งมั่น"
ผลงานล่าสุดของทั้งสองทีม: ความท้าทายที่แตกต่างกัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้าชัยชนะในศึก ยูโรปาลีก ด้วยการเอาชนะ วิคตอเรีย เพิลเซน 2-1 แม้ผลงานในลีกจะย่ำแย่กับการแพ้รวดใน 2 นัดล่าสุด ความกดดันจึงตกอยู่ที่กุนซือ รูเบน อโมริม ซึ่งต้องนำทีมกลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นท็อปโฟร์ให้ได้
ในทางกลับกัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นแชมป์เก่า ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน หลังพลาดท่าแพ้ ยูเวนตุส แบบหมดสภาพ 0-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ความพ่ายแพ้นี้เป็นสัญญาณเตือนว่า "เรือใบสีฟ้า" ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องรีบเร่งปรับฟอร์มก่อนที่ทุกอย่างจะหลุดมือ
มุมมองของริโอ: ความหวังของปีศาจแดงและความยากลำบากในเกมดาร์บี
เฟอร์ดินานด์ มองว่าเกมนี้คือบททดสอบสำคัญสำหรับทั้งสองทีม โดยเฉพาะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการชัยชนะเพื่อกลับเข้าสู่เส้นทางลุ้นพื้นที่ยุโรป
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องทำผลงานให้ได้ในเกมนี้ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมความมั่นใจ แต่ยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสามารถที่จะสู้กับทีมระดับท็อปได้ ผมยังเชื่อว่า ยูไนเต็ด มีโอกาส แต่ก็ต้องเล่นด้วยความรัดกุมและมุ่งมั่นเป็นพิเศษ"
ย้อนมองประวัติศาสตร์: เฟอร์ดินานด์และความผูกพันกับปีศาจแดง
เฟอร์ดินานด์ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญในยุคที่ยูไนเต็ดครองความยิ่งใหญ่ เขาย้ายมาร่วมทีมจากลีดส์ ยูไนเต็ดในปี 2002 ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรในขณะนั้น และกลายเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของทีมตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี
ในช่วงเวลานั้น เขาพายูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย พร้อมสร้างชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก
แฟนบอลต้องรอชมว่าใครจะเป็นผู้กำชัยในเกมแห่งเกียรติยศนี้ และริโอ เฟอร์ดินานด์เองก็ย้ำอย่างหนักแน่นว่า "นี่คือเกมที่ต้องไม่พลาดชม"